BYD โชว์ผลประกอบการปี 2567 ทุบสถิติ! รายได้ทะลุ 7.7 แสนล้านหยวน

BYD โชว์ผลประกอบการปี 2567 ทุบสถิติ! รายได้ทะลุ 7.7 แสนล้านหยวน

BYD ยักษ์ใหญ่ยานยนต์พลังงานใหม่จากจีน ประกาศผลประกอบการปี 2567 สุดแข็งแกร่ง สร้างสถิติสูงสุดใหม่ทุกด้าน ทั้งรายได้ กำไร ยอดขาย และการลงทุน R&D สะท้อนศักยภาพการเติบโตที่ไม่หยุดยั้ง พร้อมสถานะการเงินมั่นคง เตรียมพร้อมก้าวสู่ยุคต่อไปของการปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์

บีวายดี (BYD) ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ (New Energy Vehicle – NEV) ชั้นนำของโลก สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งด้วยการเปิดเผยผลประกอบการทางการเงินประจำปี 2567 (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในทุกมิติ โดยมีรายได้รวมสูงถึง 777.1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นแตะ 40.25 พันล้านหยวน พุ่งขึ้น 34% ตอกย้ำความสำเร็จจากยอดขายรถยนต์ทั่วโลกที่สูงถึง 4.27 ล้านคัน และการทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

บีวายดี (BYD) บริษัทเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำจากประเทศจีน ได้ประกาศผลการดำเนินงานทางการเงินประจำปี 2567 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จครั้งสำคัญและสร้างสถิติใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในทุกตัวชี้วัดการดำเนินงานหลัก บริษัทรายงานรายได้รวมสำหรับปี 2567 อยู่ที่ 777.1 พันล้านหยวน (ประมาณ 3.95 ล้านล้านบาท) ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างน่าประทับใจถึง 29% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ทั่วโลก และการขยายตลาดไปยังต่างประเทศอย่างแข็งแกร่ง

ในส่วนของผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทแม่ (Net profit attributable to shareholders) ในปี 2567 อยู่ที่ 40.25 พันล้านหยวน (ประมาณ 2.04 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 34% เมื่อเทียบกับปี 2566 การเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งนี้ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน และความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นของบริษัท ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมยานยนต์

ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้และกำไรคือยอดขายรถยนต์ที่ทำสถิติใหม่ โดยในปี 2567 BYD สามารถจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลกได้มากถึง 4.27 ล้านคัน เพิ่มขึ้นถึง 41% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ความสำเร็จด้านยอดขายนี้ส่งผลให้ BYD ก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 4 ของโลกในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ทุกประเภท (รวมรถยนต์สันดาปภายใน) ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นสำหรับบริษัทที่มุ่งเน้นการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่เป็นหลัก

รายได้จากการดำเนินงานในปี 2567 ที่สูงถึง 777.1 พันล้านหยวนนั้น มาจากการจำหน่ายรถยนต์จำนวน 4.27 ล้านคันดังกล่าว โดยส่วนสำคัญส่วนหนึ่งมาจากตลาดต่างประเทศ ซึ่งสร้างรายได้ให้กับบริษัทถึง 221.9 พันล้านหยวน (ประมาณ 1.13 ล้านล้านบาท) สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับและความสำเร็จของแบรนด์ BYD ในระดับสากลที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การลงทุนมหาศาลใน R&D หัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จ

เบื้องหลังการเติบโตอย่างรวดเร็วของยอดขายและความสำเร็จในตลาดโลก คือการลงทุนอย่างต่อเนื่องและมหาศาลในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ในปี 2567 BYD ทุ่มงบประมาณสำหรับการวิจัยและพัฒนาสูงถึง 54.2 พันล้านหยวน (ประมาณ 2.76 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นถึง 36% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตัวเลขการลงทุนนี้สูงกว่ากำไรสุทธิของบริษัทในปีเดียวกันอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาการดำเนินธุรกิจของ BYD ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นหัวใจหลัก

หากมองย้อนกลับไปในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา (ระหว่างปี 2554 – 2567) พบว่า BYD มีการลงทุนด้าน R&D สูงกว่ากำไรสุทธิประจำปีถึง 13 ครั้ง การลงทุนอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่องนี้ส่งผลให้ BYD สามารถพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองได้มากมาย จนถึงปัจจุบัน การลงทุนสะสมด้าน R&D ของ BYD มีมูลค่ารวมสูงกว่า 180 พันล้านหยวน (ประมาณ 9.16 แสนล้านบาท)

เม็ดเงินลงทุนมหาศาลนี้ได้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับ BYD ไม่ว่าจะเป็น:

  • ระบบไฮบริด DM (Dual Mode) รุ่นที่ 5: ซึ่งมอบประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยมและระยะทางการขับขี่ที่ไกลขึ้น
  • แพลตฟอร์ม e3 (e-Platform 3.0) พร้อมระบบส่งกำลังสามมอเตอร์: ออกแบบมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ให้ทั้งพละกำลังและการควบคุมที่เหนือกว่า
  • ระบบควบคุมโครงสร้างตัวถังอัจฉริยะ DiSus (DiSus Intelligent Body Control System): ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและเสถียรภาพในการขับขี่
  • Super e-Platform: แพลตฟอร์มเจเนอเรชันใหม่ล่าสุดที่เพิ่งประกาศเปิดตัว ซึ่งคาดว่าจะยกระดับสมรรถนะและประสบการณ์การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าไปอีกขั้น

เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ของ BYD แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดผู้บริโภคทั่วโลก และขับเคลื่อนให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พลังงานใหม่

สถานะทางการเงินแข็งแกร่ง สภาพคล่องล้นเหลือ

การเติบโตทางธุรกิจที่แข็งแกร่งส่งผลให้ BYD มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่มั่นคงและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีเงินสดสำรอง (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด และสินทรัพย์ทางการเงินเพื่อการค้า) สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 154.9 พันล้านหยวน (ประมาณ 7.88 แสนล้านบาท) นอกจากนี้ กระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานยังสูงถึง 133.5 พันล้านหยวน (ประมาณ 6.79 แสนล้านบาท)

ในขณะเดียวกัน BYD ยังสามารถบริหารจัดการภาระหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (Interest-bearing debt) ลดลงจาก 36.55 พันล้านหยวนในปี 2566 เหลือเพียง 28.58 พันล้านหยวน (ประมาณ 1.45 แสนล้านบาท) ในปี 2567 คิดเป็นสัดส่วนเพียง 4.9% ของหนี้สินรวมทั้งหมด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในระดับที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่มั่นคงและความเสี่ยงทางการเงินที่ต่ำ

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2567 BYD ประสบความสำเร็จในการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นแบบเร่งด่วน (Accelerated Share Placement) ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง มูลค่าสูงถึง 43.5 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 2.02 แสนล้านบาท) ซึ่งนับเป็นการระดมทุนในส่วนของทุน (Equity Refinancing) ครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกในรอบทศวรรษที่ผ่านมา การระดมทุนครั้งนี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานะทางการเงินของบริษัท และเพิ่มความพร้อมสำหรับการลงทุนและการขยายธุรกิจในอนาคต

ความมุ่งมั่นต่อความรับผิดชอบต่อสังคมและการเติบโตร่วมกับพันธมิตร

นอกเหนือจากการเติบโตทางธุรกิจอย่างรวดเร็วแล้ว BYD ยังคงยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม โดยในปี 2567 บริษัทได้ชำระภาษีในประเทศจีนเป็นจำนวนเงินรวมสูงถึง 51 พันล้านหยวน (ประมาณ 2.59 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่ากำไรสุทธิของบริษัทในช่วงเวลาเดียวกันกว่า 10 พันล้านหยวน แสดงให้เห็นถึงการเป็นพลเมืององค์กรที่ดีและมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

ขณะเดียวกัน BYD ยังคงเดินหน้ากระชับความร่วมมือกับพันธมิตรในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Partners) เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน นอกเหนือจากการเพิ่มปริมาณการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว บริษัทยังได้เร่งรัดวงจรการชำระเงินให้กับซัพพลายเออร์ต้นน้ำ (Upstream Suppliers) ให้เร็วขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มสภาพคล่องและความน่าดึงดูดใจในการร่วมธุรกิจกับ BYD ทำให้บริษัทกลายเป็นพันธมิตรที่น่าสนใจยิ่งขึ้นในอุตสาหกรรม

ก้าวสู่ยุคต่อไปของการปฏิวัติยานยนต์

นับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2567 เป็นต้นมา BYD ได้มีความก้าวหน้าที่สำคัญอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านยานยนต์ไฟฟ้า (Electrification) และเทคโนโลยีอัจฉริยะ (Intelligence) ซึ่งช่วยตอกย้ำตำแหน่งผู้นำของบริษัทในการขับเคลื่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ในระยะต่อไป ความสำเร็จที่ผ่านมาและศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้งนี้ ได้ปูทางไปสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่องของ BYD ในปีต่อๆ ไป และยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ซึ่งสะท้อนผ่านผลการดำเนินงานของราคาหุ้น BYD ที่แข็งแกร่งอย่างสม่ำเสมอ

โดยสรุป ผลประกอบการปี 2567 ของ BYD แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอันโดดเด่นในทุกด้าน ทั้งการเติบโตของรายได้ กำไร ยอดขาย การขยายตลาดต่างประเทศ การลงทุนในนวัตกรรม และความแข็งแกร่งทางการเงิน ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องยืนยันถึงสถานะความเป็นผู้นำระดับโลกในตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ และศักยภาพในการกำหนดทิศทางอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกต่อไป

#BYD #บีวายดี #ผลประกอบการBYD #รถยนต์ไฟฟ้า #NEV #EV #รถยนต์พลังงานใหม่ #ผลประกอบการ2567 #เศรษฐกิจ #อุตสาหกรรมยานยนต์ #การลงทุน #วิจัยและพัฒนา #กำไร #รายได้ #ยอดขายรถยนต์ #เทคโนโลยียานยนต์ #ความยั่งยืน