ฮอนด้า มอเตอร์ ประกาศปรับกลยุทธ์ธุรกิจครั้งสำคัญ รับมือความไม่แน่นอนของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั่วโลกที่ชะลอตัว ชูเทคโนโลยีไฮบริด (HEV) เจเนอเรชันใหม่เป็นธงนำ พร้อมผนวกเทคโนโลยีอัจฉริยะ ADAS ตั้งเป้าดันยอดขาย HEV แตะ 2.2 ล้านคัน และยอดขายรวมมากกว่า 3.6 ล้านคันภายในปี 2030 พร้อมปรับลดงบลงทุน EV มุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจในระยะยาว ทั้งกลุ่มยานยนต์และรถจักรยานยนต์
โตเกียว, ประเทศญี่ปุ่น – ท่ามกลางความผันผวนของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชะลอตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และความไม่แน่นอนทางธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด โดย มร. โทชิฮิโระ มิเบะ ผู้อำนวยการ ประธานกรรมการบริหาร และตัวแทนเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจครั้งสำคัญของฮอนด้า เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นการปรับกลยุทธ์เพื่อตอบรับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบัน และเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน
สถานการณ์ตลาด EV และการยกเครื่องกลยุทธ์ฮอนด้า
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง ความไม่แน่นอนทางธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการชะลอตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นผลมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เป็นพื้นฐานสำหรับการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้อย่างแพร่หลาย ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้าของประเทศต่างๆ จากสภาวะดังกล่าว ฮอนด้าจึงเห็นความจำเป็นในการสร้างคุณค่าใหม่ให้แก่ลูกค้า เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังผนวกการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อนำเสนอคุณค่าเหล่านั้นไปยังลูกค้าในวงกว้างได้มากยิ่งขึ้น พร้อมทำให้เข้าถึงได้ง่ายและจับต้องได้
เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ฮอนด้าได้ประกาศปรับกลยุทธ์ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้ 2 ทิศทางหลัก ได้แก่:
- เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ไฮบริด (HEV) ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ
- เสริมรากฐานธุรกิจให้แข็งแกร่ง ผ่านการปรับพอร์ตโฟลิโอด้านระบบขับเคลื่อนใหม่
นอกจากนี้ ฮอนด้ายังเตรียมพัฒนาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver-Assistance Systems: ADAS) เจเนอเรชันใหม่ พร้อมผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ
ปรับเป้า EV – ชู HEV เป็นหัวหอกเปลี่ยนผ่าน
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือการปรับแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ เนื่องจากการชะลอตัวของตลาด EV ทั่วโลก ส่งผลให้เป้าหมายสัดส่วนยอดขาย EV ทั่วโลกของฮอนด้าในปี 2030 อาจต่ำกว่าเป้าหมาย 30% ที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุนี้ ฮอนด้าจะหันมาให้ความสำคัญกับขุมพลังไฮบริด (HEV) เป็นหลักในการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ไฮบริด (HEV) เจเนอเรชันใหม่ที่จะเริ่มเปิดตัวตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป พร้อมเร่งขยายไลน์อัปไฮบริดอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้แนวทางใหม่นี้ ฮอนด้าตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายรวมในปี 2030 ให้มากกว่าระดับปัจจุบันที่ 3.6 ล้านคัน โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ยอดขายรถยนต์ไฮบริด (HEV) จำนวน 2.2 ล้านคัน กลยุทธ์นี้สะท้อนให้เห็นการปรับตัวของฮอนด้าที่ให้ความสำคัญกับความเป็นจริงของตลาดในปัจจุบัน ขณะที่ยังคงมุ่งมั่นในระยะยาวต่อการใช้พลังงานไฟฟ้า
ทะยานสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ: ADAS เจเนอเรชันใหม่
ฮอนด้ากำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) เจเนอเรชันใหม่ ที่มีความสามารถในการช่วยเหลือการขับขี่ได้อย่างครอบคลุม เช่น การควบคุมการเร่งความเร็วและการบังคับเลี้ยวตลอดเส้นทาง ตามจุดหมายที่ผู้ขับขี่ป้อนข้อมูลลงในระบบนำทาง ไม่ว่าจะขับขี่บนทางด่วนหรือถนนในเมืองทั่วไป เทคโนโลยีนี้เป็นการต่อยอดองค์ความรู้ที่สั่งสมมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติของฮอนด้า
ฮอนด้ามีแผนในการติดตั้งระบบ ADAS เจเนอเรชันใหม่นี้ ในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ไฮบริด (HEV) รุ่นหลักๆ ที่เตรียมจะเปิดตัวในตลาดอเมริกาเหนือและญี่ปุ่นภายในปี 2027
สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศจีน ซึ่งมีการเติบโตของเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่างก้าวกระโดด ฮอนด้ามีแผนที่จะร่วมมือกับ Momenta Global Limited บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติจีนที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ เพื่อพัฒนาระบบ ADAS รุ่นถัดไปที่เหมาะสมกับสภาพถนนในประเทศจีนโดยเฉพาะ และจะติดตั้งในรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่นที่จะเปิดตัวในประเทศจีนในอนาคต
เสริมแกร่งกลยุทธ์ EV หัวใจหลักที่ e:HEV
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันของรถยนต์ไฮบริด ฮอนด้ามุ่งพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบไฮบริด e:HEV ทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง ให้เป็นระบบขับเคลื่อนที่มีความก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน โดยพัฒนาต่อยอดบนระบบไฮบริด 2 มอเตอร์เดิม ผนวกเข้ากับสององค์ประกอบหลัก ได้แก่:
- การพัฒนาแพลตฟอร์มเจเนอเรชันใหม่ที่ล้ำสมัย: มุ่งเน้นเสถียรภาพในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น และน้ำหนักที่ลดลง
- ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนสี่ล้อ (Electric AWD) ที่พัฒนาใหม่: มอบการควบคุมที่แม่นยำและการตอบสนองของมอเตอร์ที่ทันใจ
เป้าหมายสำคัญของการพัฒนาระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV เจเนอเรชันใหม่ คือการมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีขึ้นถึง 10% รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนให้กับรถไฮบริด (HEV) ของฮอนด้า โดยตั้งเป้าปรับลดต้นทุนของระบบฯ ลงถึง 50% เมื่อเทียบกับระบบไฮบริดที่ติดตั้งในรถยนต์ที่เปิดตัวรุ่นปี 2018 และลดลงกว่า 30% เมื่อเทียบกับระบบไฮบริดที่ติดตั้งในรถยนต์รุ่นปัจจุบันที่เปิดตัวในปี 2023
สำหรับตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นตลาดหลักของรถยนต์ไฮบริด (HEV) ฮอนด้ามีแผนที่จะพัฒนาระบบไฮบริดสำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในตลาดนี้โดยเฉพาะ โดยเตรียมที่จะติดตั้งในรถยนต์ที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ 2020
เพื่อเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในเทคโนโลยีไฮบริด ฮอนด้ามีแผนเปิดตัวรถยนต์ไฮบริด (HEV) เจเนอเรชันใหม่ รวมทั้งหมด 13 รุ่นทั่วโลก ภายในระยะเวลา 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป เพื่อขยายไลน์อัปไฮบริด (HEV) ให้ครอบคลุมและตอบรับกับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Honda 0 Series: นิยามใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต
แม้จะมีการปรับกลยุทธ์โดยเน้นที่ HEV ในระยะสั้นถึงกลาง แต่ฮอนด้ายังคงเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่ายานยนต์ไฟฟ้า (EV) คือหนทางสำคัญในการมุ่งสู่การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน บริษัทจะยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการเตรียมรากฐานความพร้อมที่มั่นคง เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
หัวใจสำคัญของกลยุทธ์ EV ในระยะยาวของฮอนด้าคือไลน์อัป Honda 0 Series (ฮอนด้า ซีโร่ ซีรีส์) ซึ่งนับเป็นเสาหลักของธุรกิจ EV ของฮอนด้าในอนาคต โดยจะมีการเผยโฉมรถยนต์รุ่นแรกในไลน์อัปนี้ภายในปีหน้า (ปี 2026) ฮอนด้าตั้งเป้าที่จะส่งมอบคุณค่าของยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ (Software-Defined Vehicle: SDV) ที่สามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานแต่ละคนผ่านฟังก์ชัน “ultra-personal optimization” ซึ่งจะทำงานร่วมกันระหว่างระบบปฏิบัติการยานยนต์ ASIMO OS และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่/ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (AD/ADAS) ที่ได้นำเสนอไปในงาน CES 2025
นอกจากนี้ Honda 0 Series เจเนอเรชันถัดไป จะมาพร้อมกับสถาปัตยกรรมยานยนต์แบบ Centralized E&E Architecture เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานระบบ AD/ADAS ที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น
สัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนผ่านและกลยุทธ์การผลิตที่ยืดหยุ่น
เพื่อเป็นการสะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในธุรกิจยานยนต์ ฮอนด้าเตรียมใช้โลโก้ H Mark ดีไซน์ใหม่ ในรถยนต์ไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ของฮอนด้า ที่จะเริ่มเปิดตัวสู่ตลาดในปี 2027 ซึ่งเป็นดีไซน์แบบเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าในไลน์อัป Honda 0 Series ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้
ในด้านการผลิต ฮอนด้ามุ่งดำเนินงานตามกลยุทธ์ห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่นสูง โดยเตรียมจัดทำระบบการผลิตที่สามารถปรับเปลี่ยนการผลิตได้อย่างเหมาะสมตามความต้องการและเป้าหมายการขาย ผ่านการสร้างสายการผลิตที่สามารถผลิตได้ทั้งรถยนต์ EV และ HEV เพื่อรองรับกับการเติบโตของการจำหน่ายรถยนต์ไฮบริดอย่างต่อเนื่อง และเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าในระยะกลางถึงระยะยาว
พร้อมกันนี้ ฮอนด้ายังได้จัดตั้งห่วงโซ่อุปทานภายใต้แนวคิด “ผลิตสินค้าให้ใกล้ชิดลูกค้า” ซึ่งเป็นแนวคิดของ “การผลิตในท้องถิ่นเพื่อการบริโภคในท้องถิ่น” (local production for local consumption) เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และสามารถรองรับกับทุกการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดได้ในอนาคต
ธุรกิจรถจักรยานยนต์: เติบโตแข็งแกร่งและมุ่งสู่ผู้นำ EV
นอกเหนือจากธุรกิจยานยนต์แล้ว ธุรกิจรถจักรยานยนต์ของฮอนด้ายังคงสร้างผลงานที่โดดเด่น สำหรับปีงบประมาณล่าสุด ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2025 ที่ผ่านมา ฮอนด้ามียอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์รวมทั้งสิ้น 20.57 ล้านคัน คิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% ของยอดขายรวมในตลาดรถจักรยานยนต์ทั่วโลก ความสำเร็จครั้งนี้ยังสร้างสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน 37 ประเทศและภูมิภาคอีกด้วย
ฮอนด้าคาดการณ์ว่าความต้องการในตลาดรถจักรยานยนต์จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันเนื่องมาจากการขยายตัวของประชากรและระดับรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยคาดการณ์ว่ายอดขายรวมของอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันประมาณ 50 ล้านคัน เป็น 60 ล้านคันภายในปี 2030
เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ ฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจ ผ่านการออกแบบที่สอดคล้องกับความต้องการที่แตกต่างกันของผู้บริโภคทั่วโลก พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการจัดหาวัตถุดิบและระบบการกระจายสินค้าที่ดี นอกจากนี้ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่มีวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม ฮอนด้าได้เร่งการใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าในผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมันในรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ที่รองรับเชื้อเพลิงทางเลือก
สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ฮอนด้าได้เริ่มวางจำหน่ายรุ่น Active e: และ QC1 ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยได้มีการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศอินเดียเมื่อปีก่อน ขณะเดียวกัน ฮอนด้ายังได้เริ่มจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก อย่างรุ่น CUV e: และ ICON e: ในประเทศอินโดนีเซียเป็นแห่งแรก และมีแผนขยายตลาดต่อไปยังเวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์ สำหรับรุ่น CUV e: ฮอนด้ามีกำหนดวางจำหน่ายในภูมิภาคยุโรปและประเทศญี่ปุ่นภายในปีนี้
ฮอนด้าจะดำเนินการพัฒนาโมเดลไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจัดตั้งโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะที่มีประสิทธิภาพสูงในประเทศอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในปี 2028 การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างโครงสร้างธุรกิจจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยฮอนด้าวางแผนที่จะนำเสนอรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น พร้อมทั้งมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ ฮอนด้าจะสามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความโดดเด่นและการพัฒนาระบบซัพพลายเชนที่ครอบคลุมทั้งในกลุ่มเครื่องยนต์สันดาป (ICE) และกลุ่มรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยในระยะยาว ฮอนด้าตั้งเป้าสร้างฐานธุรกิจที่มั่นคงด้วยส่วนแบ่งตลาดระดับโลกที่ 50% และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (ROS) มากกว่า 15% ภายในปีงบประมาณ 2574 (ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2031)
กลยุทธ์การเงิน: สร้างสมดุลการลงทุนและผลตอบแทนผู้ถือหุ้น
เพื่อให้สอดรับกับกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ปรับใหม่ ฮอนด้าได้ปรับแผนกลยุทธ์ด้านการเงิน โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มผลกำไรของบริษัทฯ ภายในปี 2030 ด้วยแนวทางดังนี้:
- การขยายธุรกิจรถจักรยานยนต์อย่างต่อเนื่อง
- การลดต้นทุนในธุรกิจยานยนต์ที่เกี่ยวเนื่องกับการปรับใช้ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV เจเนอเรชันใหม่และแพลตฟอร์มใหม่
- การเพิ่มยอดขายต่อหน่วยของรถยนต์ไฮบริด (HEV)
ฮอนด้าจะยังคงมุ่งหน้าต่อไปเพื่อบรรลุเป้าหมายอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุน (ROIC) ของบริษัทที่ 10% สำหรับปีงบประมาณ 2031 (ปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2031)
สำหรับการลงทุนในกลยุทธ์ด้าน EV ที่เคยประกาศไว้เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่า 10 ล้านล้านเยน ฮอนด้าได้ตัดสินใจปรับลดวงเงินลงทุนลง 3 ล้านล้านเยน เหลือ 7 ล้านล้านเยน ภายในปีงบประมาณ 2031 (ปีงบประมาณที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2031) การปรับลดนี้เป็นผลมาจากการตัดสินใจเลื่อนโครงการสร้างห่วงโซ่มูลค่า (value chain) สำหรับ EV แบบครบวงจรในประเทศแคนาดา รวมถึงการยืดระยะเวลาในการสร้างโรงงานที่จะผลิต EV โดยเฉพาะออกไปก่อน
สำหรับการเปลี่ยนแปลงการจัดสรรเงินทุนในช่วง 5 ปี นับจากปีงบประมาณ 2027 เป็นต้นไป ฮอนด้ามีเป้าหมายในการสร้างกระแสเงินสดรวมมากกว่า 12 ล้านล้านเยน โดยผสมผสานศักยภาพในการสร้างเงินสดอย่างมั่นคงจากธุรกิจรถจักรยานยนต์ควบคู่กับการเพิ่มยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV/HEV) ต่อหน่วย ในส่วนของการจัดสรรทรัพยากรจนถึงปีงบประมาณ 2031 นั้น แม้จะมีการลดการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ EV ลง 3 ล้านล้านเยน ฮอนด้าคาดว่าจะเพิ่มการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจรถยนต์ไฮบริด (HEV) เพียงเล็กน้อย
ในส่วนของผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ฮอนด้าจะยังคงรักษาเป้าหมายที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ และมุ่งมั่นให้ได้ผลกำไรมากกว่า 1.6 ล้านล้านเยน เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่รวดเร็วและมีความผันผวน ฮอนด้าจะปรับปรุงการจัดสรรทรัพยากรอย่างยืดหยุ่นและทันการณ์ พร้อมทั้งจัดตั้งธุรกิจยานยนต์ที่พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต และยังคงมุ่งเน้นการปรับปรุงผลกำไรอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสร้างรายได้ที่มั่นคงจากธุรกิจรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนแม้ในสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ฮอนด้าได้ตัดสินใจนำอัตราส่วนเงินปันผลต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (DOE) มาใช้ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการรักษาผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจ ด้วยวิธีการนี้ ฮอนด้าจะสามารถเสริมสร้างโครงสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมทั้งมอบผลตอบแทนที่มั่นคงและต่อเนื่องแก่ผู้ถือหุ้นควบคู่กันไป
ทั้งนี้การปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ของฮอนด้า สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างความสมดุลระหว่างการรับมือกับสภาวะตลาด EV ที่ผันผวนในปัจจุบัน กับการวางรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว การให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีไฮบริด e:HEV เจเนอเรชันใหม่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่าง ADAS และการเตรียมความพร้อมสำหรับ Honda 0 Series แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของฮอนด้าในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ พร้อมทั้งมุ่งมั่นสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ๆ ที่มีเอกลักษณ์ สอดรับกับยุคสมัยแห่งยานยนต์อัจฉริยะและผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เพื่อส่งมอบ “ความสนุกสนานในการขับขี่” (Joy of Driving) อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรถยนต์ฮอนด้าต่อไป
#Honda #ฮอนด้า #EV #HEV #รถยนต์ไฟฟ้า #รถยนต์ไฮบริด #กลยุทธ์ธุรกิจ #ADAS #Honda0Series #eHEV #อุตสาหกรรมยานยนต์ #เทคโนโลยียานยนต์ #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #ข่าวเศรษฐกิจ #ฮอนด้า2025