สหภาพยุโรปและจีนส่งสัญญาณบวก เห็นพ้องเปิดการเจรจาเพื่อหาแนวทางกำหนดราคาขั้นต่ำสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในจีน หวังเป็นทางเลือกแทนการใช้มาตรการกำแพงภาษีที่อียูบังคับใช้ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความพยายามคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้าที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง
ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหภาพยุโรป (EU) และจีนในประเด็นรถยนต์ไฟฟ้าจีน อาจมีทางออกใหม่ หลังทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเริ่มเจรจา “ทันที” เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการกำหนดราคาขั้นต่ำ (Minimum Prices) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าจากจีน แทนการคงอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping Tariffs) ที่อียูได้ประกาศใช้ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังการหารือระดับสูงระหว่างกรรมาธิการการค้าของอียูและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน ซึ่งอาจปูทางไปสู่การผ่อนคลายความตึงเครียดที่กระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และภาคส่วนอื่นๆ
บรัสเซลส์/ปักกิ่ง – สัญญาณแห่งการประนีประนอมเริ่มปรากฏขึ้นในข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและจีน เมื่อโฆษกคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ (อ้างอิงตามรายงานข่าวเมื่อวันที่ 10 เมษายน) ว่า ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะศึกษาแนวทางการกำหนด “ราคาขั้นต่ำ” สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในประเทศจีน เพื่อใช้เป็นทางเลือกแทนมาตรการทางภาษีที่สหภาพยุโรปได้ประกาศใช้ไปเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
การตัดสินใจดังกล่าวเป็นผลมาจากการหารือระหว่าง นายมารอส เซฟโควิช (Maros Sefcovic) กรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรป และ นายหวัง เหวินเทา (Wang Wentao) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันก่อนมีการเปิดเผยข้อมูล ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันที่จะพิจารณาถึงความเป็นไปได้และรายละเอียดของการกำหนดราคาขั้นต่ำดังกล่าว โดยกระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าการเจรจาในประเด็นนี้จะเริ่มต้นขึ้น “ทันที”
ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นความคืบหน้าสำคัญในความพยายามหาทางออกจากความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ หลังจากเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน สหภาพยุโรปได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยการประกาศขึ้นอัตราภาษีศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนเป็นการชั่วคราว โดยอ้างถึงผลการสืบสวนที่พบว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนได้รับการอุดหนุนจากภาครัฐอย่างไม่เป็นธรรม ทำให้สามารถจำหน่ายสินค้าในตลาดยุโรปได้ในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ผลิตในสหภาพยุโรป
อัตราภาษีดังกล่าวถูกกำหนดแตกต่างกันไปในแต่ละผู้ผลิต นอกเหนือจากภาษีนำเข้ารถยนต์มาตรฐานของอียูที่ 10% โดยบริษัท บีวายดี (BYD) ถูกเรียกเก็บเพิ่ม 17.0%, บริษัท จีลี่ (Geely) เพิ่ม 18.8% และบริษัท เอสเอไอซี (SAIC) เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 35.3% รวมแล้วอาจทำให้อัตราภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นจากจีนสูงถึง 45.3% ซึ่งสร้างความกังวลอย่างมากต่อผู้ผลิตจีนและผู้ที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน
อย่างไรก็ตาม ทั้งบรัสเซลส์และปักกิ่งต่างแสดงท่าทีที่เปิดกว้างในการหาทางออกอื่นนอกเหนือจากการใช้กำแพงภาษี โดยแนวคิดเรื่องการกำหนดราคาขั้นต่ำ หรือที่เรียกว่า “Price Undertakings” สำหรับสินค้านำเข้า ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นทางเลือก คณะกรรมาธิการยุโรปยืนยันว่าพร้อมที่จะเจรจาต่อรองกับจีนเพื่อหาข้อตกลงที่ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย แต่ก็ตั้งเงื่อนไขสำคัญไว้
นายเซฟโควิชได้เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ข้อตกลงราคาขั้นต่ำใดๆ ที่จะนำมาใช้ จะต้องมีประสิทธิภาพและสามารถบังคับใช้ได้จริงเทียบเท่ากับมาตรการทางภาษีที่กำหนดไว้เดิม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของอียูในการรับมือกับผลกระทบจากการอุดหนุนที่ตนเชื่อว่ามีอยู่จริง นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปยังตั้งข้อสังเกตว่า ข้อตกลงราคาขั้นต่ำที่อียูเคยทำในอดีต มักจะใช้กับสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีลักษณะเหมือนกัน (Homogenous Commodities) ซึ่งแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นสินค้าที่มีความซับซ้อนสูง ทำให้เกิดคำถามว่าการกำหนดราคาขั้นต่ำเพียงราคาเดียว (Single Minimum Price) อาจไม่เพียงพอที่จะแก้ไขความเสียหายที่เกิดจากการอุดหนุนได้ทั้งหมด
การเจรจาเพื่อหาทางสงบศึกในประเด็นรถยนต์ไฟฟ้าครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศความตึงเครียดทางการค้าที่กว้างขวางกว่านั้น ซึ่งรวมถึงการที่จีนได้ดำเนินมาตรการตอบโต้ทางการค้าต่อสินค้าอื่นๆ จากยุโรป เช่น การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าคอนญัก (Cognac) จากฝรั่งเศสเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อยอดขายของผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง เฮนเนสซี่ (Hennessey), เรมี่ คอนโทร (Remy Cointreau) และ เพอร์นอต ริคาร์ด (Pernod Ricard) ในตลาดจีน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่อันดับสองของโลกสำหรับบรั่นดีประเภทนี้ นอกจากนี้ สถานการณ์การค้าโลกโดยรวมยังคงมีความผันผวน จากนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เคยเปิดศึกการค้ากับหลายประเทศ รวมถึงสหภาพยุโรปและจีน
ท่าทีล่าสุดในการเปิดเจรจาเรื่องราคาขั้นต่ำ EV ได้รับการตอบรับในเชิงบวกจากภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเยอรมนี สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์เยอรมัน (VDA) ได้ออกมาแสดงความยินดีต่อการเจรจาระหว่างอียูและจีน โดยระบุว่าการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวถือเป็น “ความผิดพลาด” และสนับสนุนแนวทางการแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจา
“โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์โลกในปัจจุบัน ประเด็นที่ต้องหารือกันคือทำอย่างไรจึงจะสามารถลดอุปสรรคและความบิดเบือนในการค้าระหว่างประเทศลงได้ แทนที่จะสร้างกำแพงใหม่ขึ้นมา” VDA กล่าวในแถลงการณ์ ซึ่งสะท้อนจุดยืนของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันรายใหญ่ ที่มียอดขายคิดเป็นสัดส่วนถึงหนึ่งในสามในตลาดจีนเมื่อปีที่แล้ว และต่างคัดค้านการใช้มาตรการภาษีตั้งแต่ต้น เนื่องจากกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากสงครามการค้ากับจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับสองรองจากสหรัฐอเมริกา
แม้การเปิดเจรจาจะเป็นก้าวแรกที่สำคัญ แต่หนทางข้างหน้ายังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย การหาข้อตกลงเรื่องราคาขั้นต่ำสำหรับสินค้าที่ซับซ้อนอย่างรถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายด้าน ทั้งความแตกต่างของรุ่นรถยนต์ เทคโนโลยี ต้นทุนการผลิต และระดับการอุดหนุนที่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละผู้ผลิต การหาจุดสมดุลที่ทั้งสหภาพยุโรปและจีนยอมรับได้ และสามารถรับประกันการแข่งขันที่เท่าเทียมในตลาดยุโรปได้จริง จะเป็นโจทย์สำคัญของการเจรจาที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นนี้ ผลลัพธ์ของการเจรจาไม่เพียงแต่จะส่งผลต่ออนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของทั้งสองภูมิภาค แต่ยังอาจเป็นตัวชี้วัดทิศทางความสัมพันธ์ทางการค้าโดยรวมระหว่างสหภาพยุโรปและจีนในระยะต่อไป
#รถยนต์ไฟฟ้า #EV #สหภาพยุโรป #จีน #ภาษีนำเข้า #ราคาขั้นต่ำ #ข้อพิพาททางการค้า #การค้าต่างประเทศ #เศรษฐกิจโลก #อุตสาหกรรมยานยนต์ #BYD #Geely #SAIC #VDA #TradeWar #MinimumPrice #EUChinaTrade