Toyota กับการเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุครถยนต์ EV ของโลกอย่างแท้จริง

Toyota กับการเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุครถยนต์ EV ของโลกอย่างแท้จริง

ก่อนหน้าที่ Toyota และ Lexus จะแถลงข่าวเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ถึง 15 รุ่น เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมา และยังมีแผนเปิดตัวถึง 30 รุ่น ภายในปี 2030 ผมเองได้นั่งหาข้อมูลของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่ยังไม่มีท่าทีของการเปลี่ยนผ่านไปสู่โลก EV เต็มตัว นอกจาก Nissan ที่ประกาศทุ่ม 6 แสนล้านบาท เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 23 รุ่น ภายในปี 2030 ไปก่อนหน้านี้

LG Energy Solution เตรียมเสนอขาย IPO ในเกาหลีใต้
Toyota และ Lexus อวดโฉมรถยนต์ EV 15 รุ่น ที่กำลังจะเปิดตัว

ขณะที่ค่ายรถยุโรป สหรัฐฯ เกาหลี และ จีน ต่างมีข่าวพัฒนารถยนต์ EV ออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิสัยทัศน์ของแต่ละค่าย การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ หรือการพัฒนาทางด้านแบตเตอรี่ให้วิ่งได้ไกลมากขึ้น

ทำไมก่อนหน้านี้ถึงทำให้คิดว่าค่ายญี่ปุ่นยังไม่พร้อม?

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 19 พ.ย. วันที่ Honda เปิดตัว Honda HR-V e:HEV ในงานเปิดตัวได้มีโอกาสสอบถามทางผู้บริหารเกี่ยวกับทิศทางของรถยนต์ EV ของค่าย ซึ่งผู้บริหาร “โนริยูกิ ทาคาคุระ” เองก็ตอบกลับมาว่า

“Honda เองพยายามจะนำทรัพยากรที่มีของในบริษัทมาพัฒนาเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อที่จะรองรับกับการเติบโต และเราก็หวังว่าเราจะเป็นผู้นำในตลาดนี้ ส่วนตลาด EV หรือ HEV จะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับบริษัทอื่นว่าจะมีการออกโมเดลเหล่านี้ออกมามากแค่ไหน ซึ่งตรงนี้เราไม่สามารถให้ข้อมูลที่เป็นรูปธรรมได้ Honda เองจะเป็นผู้นำในการนำรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมออกมาให้มากขึ้น ในส่วนของรถยนต์ Hybrid เราจะพยายามพัฒนาให้มีสมรรถนะที่ดีที่สุด”

หรือในงาน Motor Expo 2021 ที่เพิ่งจบลงไป ขณะที่ค่ายรถอย่าง Mercedes, Volvo, BMW, MG, GWM ต่างนำรถยนต์ EV ออกมาจัดแสดง เปิดแผนการขายรถยนต์ EV ในไทยกันอ่างชัดเจน แต่ค่ายรถญี่ปุ่นกลับยังเปิดตัวรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นหลักอยู่

แต่ก็ไม่แปลกใจที่ค่ายรถญี่ปุ่นยังไม่หันหัวไปพัฒนารถยนต์ EV เต็มตัว เพราะในปีนี้ ยอดขายรถประเภท BEV อยู่ที่ 4,000 – 5,000 คัน แต่รถประเภท HEV และ PHEV มียอดขายรวมมากถึง 48,000 – 50,000 คัน ในประเทศไทย ขณะที่ยอดขายรถยนต์ทั่วโลก สัดส่วนของ EV ก็ยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าระบบนิเวศของรถยนต์ EV นั้นยังไม่พร้อมแบบ 100% ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแบตเตอรี่ที่ยังต้องมีการศึกษาและพัฒนาอีกมาก รวมถึงจุดชาร์จที่ยังไม่แพร่หลายเท่าปั๊มน้ำมัน และยังใช้เวลาชาร์จค่อนข้างนาน ถ้าไม่ใช่หัวชาร์จแบบ Super Charge

ค่ายรถญี่ปุ่นเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ EV ได้ขนาดไหน?

ต้องยอมรับว่าค่ายรถแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีอิทธิพลในระดับโลก จากยอดขายรถยนต์ที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ในหลายประเทศทั่วโลก แม้แต่ในสหรัฐฯ เอง 11 เดือนที่ผ่านมา Toyota ก็สามารถทำยอดขายได้มากที่สุดถึง 1,791,109 คัน ขณะที่ Honda มียอดขายอยู่ที่ 1,214,448 คัน Lexus ขายได้ 302,885 คัน Mazda ขายได้ 308,815 คัน Subaru ขายได้ 547,334 คัน จากยอดขายทั้งประเทศ 7,497,666 คัน

จะเห็นว่าค่ายรถญี่ปุ่นมียอดขายรวมกันมากกว่า 50% ของยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ทั้งประเทศ หรือแม้แต่ในประเทศไทยเราก็เห็นรถยนต์ของ Toyota วิ่งกันเต็มท้องถนน

ประเด็นที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นได้เปรียบค่ายรถจากประเทศอื่นมากก็คือเรื่องราคาที่เข้าถึงได้ และคุณภาพที่เป็นมาตรฐาน เทียบกับค่ายรถจากยุโรปที่มีราคาสูงมาก แต่ก็ยอมรับว่าหากจ่ายไหว ก็จะได้รถยนต์ที่คุณภาพพรีเมียมจริงๆ ส่วนค่ายรถจากจีนนั้นถึงแม้จะราคาไม่สูงมาก แต่ก็ยังถูกกังขาจากบางประเทศเรื่องคุณภาพที่เป็นมาตรฐาน จะเห็นว่ายอดขายรถจากจีนนั้นยังไม่ได้ไปทั่วโลกเท่ากับรถจากค่ายญี่ปุ่น

จึงไม่น่าแปลกใจว่า หากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นทยอยกันเปลี่ยนสายการผลิตมาเป็นรถยนต์ EV กันหมด จะช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่โลก EV ได้เร็วขนาดไหน เราอาจจะไม่ต้องรอถึงปี 2030 ก็ได้