ORA Good Cat GT หรือเจ้าเหมียวน้อยที่มาพร้อมรูปลักษณ์ทรงสปอร์ต เป็นรถไฟฟ้าอีกหนึ่งรุ่นที่สาวก GWM รอคอยการเปิดตัว ผมได้มีโอกาสไปร่วมทดสอบการขับขี่เจ้าเหมียวน้อยตัวนี้ จากโชว์รูม เกรท วอลล์ มอเตอร์ สาขา ATT U PARK บางนา ไปกลับที่ อ.ศรีราชา ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร

เมื่อเห็นตัวรถครั้งแรกต้องบอกเลยว่าประทับใจกับการออกแบบทั้งภายนอกและภายใน สำหรับสีรถภายนอก เจ้าเหมียว GT ตัวที่ทดสอบมาพร้อมสีอะควาเกรย์ (Aqua Grey) กระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตลายคาร์บอนไฟเบอร์ และสปอยเลอร์พร้อมตราสัญลักษณ์ GT ทางด้านหลัง ใช้ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้ว ใส่ดิสก์เบรคคาลิปเปอร์สีแดงมาให้


ส่วนภายในตกแตงด้วยโทนสีแดง-ดำ เป็นหลัก ทั้งพวงมาลัย เบาะนั่ง คอนโซล รวมถึงพนักพิงศีรษะที่มีตราสัญลักษณ์ GT และที่สวยมากๆ คือเข็มขัดนิรภัยที่เป็นสีแดง ดูซิ่งดี
สำหรับฟีเจอร์ต่างๆ เจ้าเหมียว GT มีทุกอย่างเหมือนรุ่น 500 Ultra แต่ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้นมาอีก ไม่ว่าจะเป็น หลังคาพาโนรามิคซันรูฟที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และสามารถกันความร้อนได้ค่อนข้างดี ประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี เอาใจสายช้อปปิ้งที่ต้องถือของหนัก 2 มือ และในรุ่นนี้นอกจากจะมีพอร์ท USB ให้ 2 พอร์ท ยังมี Wireless Charger ติดมาให้ด้วย


แต่ที่ชอบมากๆ คือ ฟังก์ชันนวดหลัง หรือเบาะนวดไฟฟ้า ที่ให้มาทั้งที่นั่งคนขับ และผู้โดยสารเบาะหน้า (รุ่น 500 Ultra มีเฉพาะที่นั่งคนขับ)
นอกจากนี้ยังมีระบบ Cockpit air filter system พร้อมระบบกรองฝุ่น PM2.5 ช่วยเปิดการไหลเวียนของอากาศจากภายนอกจากระยะไกลเพื่อระบายอากาศโดยอัตโนมัติ และสามารถช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ในตัวรถ

มาที่โหมดการขับขี่ เจ้าเหมียว GT ให้โหมดการขับขี่มา 5 โหมด ได้แก่ Standard, Eco, Eco+ เป็น 2 โหมดที่เข้ามาช่วยเรื่องการประหยัดแบตเตอรี่ โหมด Sport ที่เหมาะกับการซิ่ง, และ Auto เป็นโหมดที่ผู้ขับขี่สามารถปรับได้เองตามปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลือ
ซึ่งในการทดลองขับครั้งนี้ได้ทดสอบใช้โหมด Sport เพื่อทดสอบอัตราการเร่งความเร็วจาก 0-100 ที่ทาง GWM ได้เคลมไว้ว่าใช้เวลาประมาณ 8.5 วินาที ซึ่งจากการทดสอบจริงก็ใช้เวลาเท่ากันที่ 8.5 วินาที ตอนทดสอบนั้นพื้นมีความชื้นเล็กน้อย ทำให้ตอนออกตัวแล้วล้อฟรีเล็กน้อย
สำหรับระบบด้านความปลอดภัยต่างๆ เจ้าเหมียว GT มาพร้อมมาตรฐานระดับ L2+ เราได้ทดสอบด้วยการเปิดใช้งานทุกระบบไว้เลย สำหรับการทดลองขับในครั้งนี้พบว่าระบบที่มีประโยชน์และได้ใช้บ่อยคือ ระบบที่จะช่วยให้รถเราไม่ออกนอกเลน หลังจากการทดสอบขับไปทับเส้นแบ่งเลนถนน พวงมาลัยจะดึงเรากลับมาที่กลางเลนโดยอัตโนมัติ ซึ่งตรงนี้ดีกับคนที่ขับรถไม่เก่งมาก

เมื่อเปิดไฟขอเปลี่ยนเลนขณะอยูในทางตรง หากฝั่งที่เราจะเปลี่ยนเลนไปมีรถอยู่ในระยะอันตราย เซ็นเซอร์จะส่งเสียงเตือนให้รู้ว่ายังไม่ควรเปลี่ยนเลน นอกจากนี้ยังมีไฟเตือนที่กระจกข้างว่ามีรถหรือวัตถุบางอย่างอยู่ในจุดอับสายตา และหากใครที่ตั้งค่าความเร็วสุดสุดเอาไว้ เมื่อความเร็วรถเกินกำหนดก็จะมีเสียงเตือนออกมา
สำหรับระบบ Pilot Assist ที่เข้ามาช่วยลดความล้าจากการขับรถไกลๆ ได้ ซึ่งระบบสามารถเลือกความเร็ว ระยะห่างจากคันหน้า เพื่อให้รถขับเองได้ เลี้ยวตามเส้นถนนเองได้ จากการทดสอบระบบนี้ถือว่าทำได้ดีมาก เพราะเมื่อมีรถคันอื่นเข้ามาแทรก ระบบก็จะลดความเร็วอัตโนมัติตามระยะห่างที่เหมาะสม และเมื่อถึงไฟแดง ความเร็วก็จะลดลงตามคันหน้าไปเรื่อยๆ และจอดให้เองเมื่อคันหน้าหยุด แต่ก็แนะนำว่าในการขับขี่จริง ถึงแม้จะเปิดใช้โหมดช่วยขับ คนขับก็ยังต้องคอยมีสติกับการขับรถอยู่ดีนะ
นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ที่ประมวลผลให้ผู้ขับเป็นรถแบบมุมสูง และภาพจากด้านข้าง เพื่อช่วยให้คนขับถอยจอดได้ง่ายและตรง

สำหรับวันที่ได้ไปทดสอบเจ้า ORA Good Cat GT เรียกว่ามีทั้งโชคดีและไม่ดีปนกันไป เพราะฝนตกลงมาหนักมากในช่วงการทดสอบ ทำให้บล็อกเกอร์หลายคนถ่ายทำรีวิวกันลำบาก แต่ก็ถือว่าได้ทดสอบการใช้รถยนต์ไฟฟ้าท่ามกลางสายฝน ทดลองขับไปในจุดที่มีน้ำขัง เพื่อดูว่าตัวรถจะมีปัญหาหรือไม่ และไปจอดชาร์จแบตเตอรี่ท่ามกลางฝนปรอย เพื่อทดสอบว่าเราสามารถชาร์จแบตฯขณะที่ฝนตกได้หรือไม่ ซึ่งก็ผ่านพ้นไปด้วยดี

ส่วนข้อสังเกตเดียวที่ผมมีกับเจ้า ORA Good Cat GT คือเรื่องระบบสั่งงานด้วยเสียงที่ทาง GWM ยังคงต้องพัฒนาต่อไป ทั้งการฟังคำสั่งเสียงภาษาไทย ซึ่งจากการทดสอบ ได้ลองพูดประโยคเดียวกัน 3 ครั้ง แต่ระบบกลับไม่เข้าใจ 2 ครั้งแรก และมาเข้าใจในครั้งที่ 3 นอกจากนี้ระบบนำทางตัวแผนที่เองก็ยังไม่ครอบคลุมการปักหมุดสถานที่ต่างๆ เท่าที่ควร แต่ก็ต้องยอมรับว่าการพัฒนาใน 2 ด้านนี้ในทางเทคนิคถือว่าต้องใช้เวลาในการรวบรวมดาต้าและสอนให้ AI ฉลาดขึ้น พอสมควรทีเดียว ซึ่งเราก็ขอเป็นกำลังใจให้ทีมงานได้พัฒนากันต่อไปครับ