Tesla แจ้งพนักงานในโรงงานฟรีมอนต์แคลิฟอร์เนีย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า สายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Model S Sedan และ Model X SUV จะปิดตัวลง ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคมถึง 11 มกราคม ตามอีเมลที่ สำนักข่าว CNBC เปิดเผย
โดยพนักงานที่ทำงานในสายงานเหล่านั้นจะได้รับการจ่ายค่าจ้างเต็มสัปดาห์ เพื่อให้ครอบคลุมช่วงสองสัปดาห์ของการปิดตัวลง พร้อมกับวันหยุดที่ได้รับค่าตอบแทนไม่กี่วัน โดยพวกเขาถูกขอให้หยุดงานโดยไม่ได้วางแผนและไม่ได้รับค่าจ้าง 5 วัน แต่มีทางเลือกที่จะหางานทำในพื้นที่อื่นของโรงงานในช่วงเวลานั้น
ทั้งนี้พวกเขายังได้รับการสนับสนุนให้ “ เป็นอาสาสมัคร” เพื่อช่วยส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าให้กับลูกค้าในช่วงปิดตัวลง ซึ่งจะทำงานภายใต้การดำเนินงานของศูนย์จำหน่าย
ขณะที่ในอีกอีเมล์แยกต่างหากที่ส่งไปยังทั้งฝ่ายผลิต เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ เทสล่า ระบุว่า บริษัทยังโชคดีที่ไม่ได้รับผลกระทบจากความต้องการที่ลดลง โดยยังมีความต้องการการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น
เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะมีรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า จากการที่เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่นและหาเงินมาอย่างยากลำบาก เราจำเป็นต้องเพิ่มการผลิตในช่วงที่เหลือของไตรมาสให้มากที่สุด
ทั้งนี้การปิดสายการผลิต Model S และ Model X แสดงให้เห็นว่าความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่สูงขึ้น ไม่ได้ส่งผลไปถึงรถรุ่นเก่าเหล่านี้ และยังไม่ชัดเจนว่า เทสล่า ตั้งใจจะทำอะไรกับสายผลิตภัณฑ์ Model S และ X ในช่วงที่ปิดตัวไลน์การผลิตลง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มปิดในช่วงวันหยุด จากรายละเอียดที่ระบุในอีเมล์
นอกจากนี้บริษัทยังกำลังดิ้นรนกับการเรียกคืนรถยนต์ในประเทศจีน และการเผชิญกับการถูกตรวจสอบด้านความปลอดภัยโดย NHTSA และการขยายการรับประกันครอบคลุมรถเก๋ง รุ่น S ระดับไฮเอนด์บางรุ่น และรถ SUV สุดหรูที่มีประตูแบบปีกนกของรุ่น X ในปีนี้
ตามรายงานการผลิตและการส่งมอบรถยนต์ของเทสล่า ระบุว่า มีการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 15,200 คันในไตรมาสที่สามของปี 2020 ซึ่งครบกำหนดตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน โดยคิดเป็นประมาณ 11% ของการส่งมอบรถในช่วงไตรมาสดังกล่าว
ขณะที่ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีและการนำเสนอนักลงทุนในวันแบตเตอรี่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผู้บริหารกล่าวว่า Tesla Model S Plaid จะเริ่มส่งมอบได้ในราวปลายปี 2564
