เกีย (Kia) เปิดตัว EV4 และ Concept EV2 ในงาน Kia EV Day ตอกย้ำวิสัยทัศน์สู่ความยั่งยืนด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้าถึงได้ ชูจุดเด่นดีไซน์ล้ำสมัย, เทคโนโลยีขั้นสูง, และประสบการณ์การขับขี่ที่เชื่อมต่อถึงกัน พร้อมแบตเตอรี่ที่วิ่งได้ไกลถึง 630 กม.
เกีย คอร์ปอเรชั่น ได้สร้างความฮือฮาในวงการยานยนต์ไฟฟ้าอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง EV4 และ Concept EV2 ในงาน Kia EV Day ประจำปี 2025 ณ เมืองตาราโกนา ประเทศสเปน การเปิดตัวครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของเกียในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับไลน์อัพรถยนต์ไฟฟ้า และเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคหันมาใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น
Kia EV4: นิยามใหม่ของรถซีดานและแฮทช์แบ็กไฟฟ้า
Kia EV4 ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบซีดาน (4 ประตู) และแฮทช์แบ็ก (5 ประตู) รุ่นแรกของเกีย ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการขับขี่ในเมืองและการเดินทางระยะไกล ด้วยสโลแกน “Your Edge in Motion” EV4 นำเสนอรูปแบบใหม่ของรถซีดานและแฮทช์แบ็ก ที่ฉีกกรอบจากดีไซน์เดิมๆ ในตลาด EV ที่เน้นรถ CUV และ SUV
EV4 ไม่เพียงแต่เป็นรุ่นหลักที่เข้ามาเติมเต็มไลน์อัพรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับรางวัลของเกียเท่านั้น แต่ยังมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้า “Early Majority” ที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการผสมผสานดีไซน์ที่ใช้งานได้จริงและล้ำสมัย, เทคโนโลยีที่เชื่อถือได้, และประสบการณ์การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่ยืดหยุ่น ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค
แบตเตอรี่และสมรรถนะที่เหนือชั้น
EV4 สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Electric Global Modular Platform (E-GMP) ขนาด 400V ของเกีย มีตัวเลือกแบตเตอรี่ 2 แบบ คือ Standard (58.3 kWh) และ Long Range (81.4 kWh) ซึ่งขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าขนาด 150 kW ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.4 และ 7.7 วินาที ตามลำดับ และมีความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม.
เกียยังให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดย EV4 มาพร้อมการปรับปรุงแอโรไดนามิกหลายจุด รวมถึงการติดตั้งแผ่นปิดใต้ท้องรถแบบเต็มแผ่น ช่วยลดแรงต้านอากาศ ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.23 Cd
ด้วยเหตุนี้ EV4 รุ่นซีดานจึงสามารถวิ่งได้ไกลถึง 430 กม. (รุ่น Standard) และ 630 กม. (รุ่น Long Range) ตามมาตรฐาน WLTP ส่วนรุ่นแฮทช์แบ็กมีระยะทางวิ่งสูงสุด 590 กม. เมื่อชาร์จเต็ม นอกจากนี้ EV4 ยังรองรับการชาร์จเร็ว DC (10-80%) ในเวลาเพียง 31 นาที (รุ่น Long Range) และมี On-board Charger ขนาด 11 kW ที่รองรับทั้งไฟ Single-Phase และ Three-Phase
EV4 ยังมาพร้อมฟังก์ชัน Vehicle-to-Load (V2L) ขนาด 3.6 kVA และ Vehicle-to-Grid (V2G) ขนาด 10 kVA ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายนอก หรือแม้กระทั่งจ่ายไฟกลับเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าได้
ความสะดวกสบายและการเชื่อมต่อที่เหนือระดับ
EV4 ผสมผสานการออกแบบและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน เพื่อมอบความสะดวกสบายและการเชื่อมต่อระดับแนวหน้าในรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งรุ่นซีดานและแฮทช์แบ็ก
เมื่อเข้าใกล้รถ, ระบบ Digital Key 2.0 ของเกีย ช่วยให้เข้าถึง, สตาร์ทเครื่องยนต์, และควบคุมรถจากระยะไกลได้อย่างง่ายดาย ผ่านสมาร์ทโฟน และยังสามารถแชร์การเข้าถึงได้สูงสุดถึง 15 อุปกรณ์ รวมถึง Apple WatchTM
ขณะขับขี่, ระบบ i-Pedal 3.0 ที่ปรับระดับการหน่วงได้ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและขับขี่ง่ายขึ้น พร้อมฟังก์ชัน Smart Regenerative Braking ที่ปรับการหน่วงอัตโนมัติตามสภาพการขับขี่ นอกจากนี้ i-Pedal 3.0 ยังทำงานขณะถอยหลัง เพื่อการควบคุมที่แม่นยำ และฟังก์ชัน i-Pedal Memory จะจดจำการตั้งค่า i-Pedal ล่าสุดของผู้ขับขี่
ภายในห้องโดยสาร, หน้าจอแสดงผลแบบ Wide-Screen ขนาด 30 นิ้ว ประกอบด้วยหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว, 5.3 นิ้ว และ 12.3 นิ้ว มอบประสบการณ์ความบันเทิงในรถยนต์ระดับแนวหน้า พร้อมระบบ connected car Navigation Cockpit (ccNC) และระบบ Remote OTA Update ช่วยให้อัปเดตซอฟต์แวร์ได้จากระยะไกลผ่านโทรศัพท์มือถือ และยังสามารถปรับแต่งธีมการแสดงผลด้วยเนื้อหาจาก NBA และ Disney ได้อีกด้วย
EV4 ยังมาพร้อม Vehicle Smart TV ที่ยกระดับความบันเทิงไปอีกขั้น ด้วยตัวเลือกความบันเทิงมากมาย เช่น YouTube, Netflix, Disney+, เกม, และคาราโอเกะ รองรับรูปแบบเนื้อหาที่หลากหลาย และจะมีการเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ ผ่าน App Store อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ โหมด Rest Mode ยังใช้เบาะนั่งแถวหน้าแบบ Relaxation และไฟ Ambient Light เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ส่วน Theatre Mode จะปรับการตั้งค่าหน้าจอ, ไฟ Ambient Light, และระบบเสียง 8 ลำโพง (มีตัวเลือก Harmon/Kardon 8 ลำโพง) เพื่อมอบประสบการณ์การรับชมเนื้อหาที่ยอดเยี่ยม
Kia AI Assistant ใช้ Machine Learning เพื่อปรับปรุงความแม่นยำในการตอบสนองต่อคำสั่งเสียงอย่างต่อเนื่อง, เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน
ความปลอดภัยสูงสุด
EV4 มาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ด้วยเทคโนโลยี Highway Driving Assist (HDA 2) ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่
HDA 2 ประกอบด้วยฟังก์ชัน ADAS ที่ได้รับการปรับปรุง เช่น Driver Attention Warning, Forward Collision Avoidance Assist 2, Lane Following Assist 2, Intelligent Speed Limit Assist และ Remote Parking Assist Entry เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย นอกจากนี้ ยังมี Head-up Display ขนาด 12 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบข้อมูลสำคัญ เช่น ความเร็ว และคำแนะนำการนำทาง โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน
ระบบ Direct Grip Detection System (HOD) ของเกีย จะตรวจจับการสัมผัสระหว่างพวงมาลัยกับมือของผู้ขับขี่ เพื่อตรวจสอบว่าผู้ขับขี่ยังควบคุมรถอยู่หรือไม่ ช่วยให้ปิดการแจ้งเตือน ADAS ได้ง่ายๆ เพียงสัมผัสพวงมาลัย
Driving Package F+ (‘Drive Wise’) เป็นระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง ที่ตรวจจับสถานการณ์อันตรายผ่านกล้องและเรดาร์ ช่วยให้ผู้ขับขี่ขับรถและหลบหลีกได้อย่างปลอดภัย
ในกรณีที่เกิดการชน, โครงสร้างของ EV4 ได้รับการปรับปรุงให้มีดีไซน์ความปลอดภัยขั้นสูง สำหรับผู้โดยสารและแบตเตอรี่ รวมถึงการใช้ Multi-Load Path ในส่วนหน้าของแบตเตอรี่ และการป้องกันการชนท้าย
หลังคาของ EV4 สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่า 5 เท่าของน้ำหนักรถทั้งหมด, ขณะที่โครงสร้าง Multi-Rib ในแผง Rocker Panel (แผงด้านข้างระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง ใต้ประตู) ช่วยเพิ่มการป้องกันด้านข้างสำหรับผู้โดยสาร
EV4 ตั้งเป้าที่จะได้รับคะแนนความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จาก Euro NCAP, US NCAP และ Top Safety Pick จาก Insurance Institute for Highway Safety (IIHS)
ปรัชญาการออกแบบที่โดดเด่น
EV4 เป็นการผสมผสานรูปแบบของรถซีดานและแฮทช์แบ็กเข้าด้วยกัน ด้วยจมูกต่ำและส่วนท้ายที่ยาว ในรูปแบบที่ทันสมัยและแสดงออกถึงตัวตน ภายใต้ปรัชญาการออกแบบ ‘Opposites United’ ของเกีย ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความแตกต่างที่พบในธรรมชาติและมนุษย์, EV4 ทั้งรุ่นซีดานและแฮทช์แบ็ก สะท้อนถึงบุคลิกที่แข็งแกร่ง, มั่นใจ, และเปี่ยมด้วยนวัตกรรม
EV4 มีจุดยืนที่กว้าง สร้างความรู้สึกมั่นคง, สปอร์ต, เน้นความทันสมัยและความประณีต ไฟหน้าแนวตั้งและ Star Map Lighting อันเป็นเอกลักษณ์ของเกีย แสดงถึงตำแหน่งของ EV4 ในตระกูล EV ของเกีย ส่วนหน้าอันโดดเด่น, พร้อม EV Tiger Face ใหม่ของเกีย, ตอกย้ำเอกลักษณ์ทางเทคนิคที่ไม่เหมือนใครของ EV4
ด้านท้าย, สปอยเลอร์แบบ Two-Piece และดีไซน์กันชนที่สะอาดตาของ EV4 รุ่นซีดาน สื่อถึงจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม, ขณะที่ไฟท้ายเน้นความกว้างของตัวรถ ส่วนกระจกหลังที่ลาดเอียงและสัดส่วนที่ยาวของรุ่นแฮทช์แบ็ก เน้นย้ำถึงเอกลักษณ์ที่ก้าวหน้าและสปอร์ต
ภายในห้องโดยสารของ EV4 ใช้ความแตกต่างที่ไม่คาดคิดในรูปแบบ, สี, และวัสดุ การออกแบบที่เรียบง่ายแต่มีส่วนร่วม สร้างพื้นที่ที่แม่นยำและใช้งานได้จริง และผสมผสานดีไซน์ที่เน้นความรู้สึกของมนุษย์เข้ากับธีมอุตสาหกรรม
ปรัชญาการออกแบบ ‘Opposites United’ ของเกีย ปรากฏชัดเจนทั่วทั้งภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางของ EV4 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วน User Interface ที่ลอยตัว และพวงมาลัยแบบ One-Spoke ที่ไม่สมมาตร ซึ่งผสมผสานการออกแบบที่สร้างแรงบันดาลใจเข้ากับการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น
EV4 ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย, พื้นที่, และการใช้งานของผู้โดยสาร ด้วยคุณสมบัติต่างๆ เช่น ที่พักแขนแบบหมุนได้, คอนโซลแบบ Sliding Table, พื้นที่เบาะนั่งแถวที่ 1 และ 2 ที่กว้างขวาง, และพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่สุดในคลาส 490 ลิตร (435 ลิตร สำหรับรุ่นแฮทช์แบ็ก) ปุ่ม Physical ที่ใช้งานง่าย, ไฟ Dynamic Welcome, และ Ambient Lighting ช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานให้ดียิ่งขึ้น
EV4 GT-Line มาพร้อมองค์ประกอบการออกแบบพิเศษ นอกเหนือจากรุ่นพื้นฐานที่ล้ำสมัย, สร้างบุคลิกที่ไดนามิกยิ่งขึ้น กันชนหน้าและหลังรูปปีกของรุ่นนี้ ให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งและโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น, ขณะที่ล้อขนาด 19 นิ้ว ลายสามเหลี่ยม ช่วยเพิ่มความรู้สึกแห่งอนาคตและความสปอร์ตของรถ
การผลิตและการวางจำหน่าย
EV4 รุ่นซีดานจะผลิตที่โรงงาน Autoland Gwangmyeong EVO Plant ของเกียในเกาหลี, ขณะที่รุ่นแฮทช์แบ็กจะผลิตในสโลวาเกียเท่านั้น โดยเน้นการขายในยุโรปเป็นหลัก การผลิตจะเริ่มในกลางเดือนมีนาคมสำหรับรุ่นซีดานในเกาหลี, และครึ่งหลังของปีสำหรับ EV4 แฮทช์แบ็กเฉพาะในยุโรป การผลิตสำหรับอเมริกาเหนือและภูมิภาคอื่นๆ มีแผนที่จะดำเนินการในภายหลัง
EV4 มีกำหนดวางจำหน่ายในตลาดเกาหลีตั้งแต่เดือนมีนาคม, ตามด้วยการเปิดตัวในยุโรปในช่วงครึ่งหลังของปี การขายในสหรัฐอเมริกาจะตามมาในภายหลัง
Kia Concept EV2: เผยโฉม SUV ไฟฟ้า B-Segment แห่งอนาคต
นอกเหนือจาก EV4, เกียยังได้เปิดตัว Concept EV2 ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของ SUV ไฟฟ้า B-Segment ในอนาคต ที่งาน EV Day ในบาร์เซโลนา
Kia Concept EV2 เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมและการผจญภัย เทคโนโลยี Connected ขั้นสูงของ SUV, ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางและปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย, และประตูหลังแบบบานพับด้านหลังที่เป็นนวัตกรรมใหม่ มอบโอกาสให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับไลฟ์สไตล์ในเมืองที่กระฉับกระเฉง และอิสระในการสำรวจและมีปฏิสัมพันธ์กับเมืองในรูปแบบใหม่และน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น
Ho Sung Song ประธานและ CEO ของ Kia กล่าวว่า “Kia Concept EV2 เป็นก้าวสำคัญสำหรับอนาคตของการขับเคลื่อนในเมือง ด้วย Concept EV2 เราท้าทายตัวเองในการสร้างยานยนต์ที่เหนือความคาดหมาย, นำเสนอเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และการใช้งานจริงที่เหนือกว่าขนาดของมัน แนวคิดนี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในอนาคตของเกียในการกำหนดนิยามใหม่ของเซกเมนต์นี้, นำเสนอความซับซ้อนและความสะดวกในการใช้งานระดับใหม่ให้กับผู้ขับขี่ในเมือง มันเป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของเราในการทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเข้าถึงได้สำหรับทุกคนอย่างแท้จริง”
ดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นของ Concept EV2
Concept EV2 สามารถระบุได้ทันทีว่าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Kia EV และดีไซน์ที่สะอาดตาแสดงถึงบุคลิกที่ไม่เหมือนใครและมั่นใจ ด้านหน้ามีใบหน้าทางเทคนิคที่ล้อมรอบด้วยไฟ Daytime Running Light (DRL) แนวตั้ง, มอบความรู้สึกที่แข็งแกร่งของความทันสมัย, พลวัต, และจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย Star Map Lighting อันเป็นเอกลักษณ์ของเกีย มีดีไซน์โคมไฟแบบเปิด โดยไม่มีฝาครอบกระจก, สร้างผลกระทบทางสายตาที่โดดเด่น
แม้จะมีขนาดกะทัดรัด, เหมาะกับการใช้งานในเมือง, แต่จุดยืนที่ตั้งตรงของ Concept EV2 สะท้อนถึงความมุ่งเน้นที่โดดเด่นและซับซ้อนของรถ กันชนและองค์ประกอบกราฟิกล่างของรถ ให้รูปลักษณ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น, เน้นย้ำถึงดีไซน์ที่มุ่งเน้นวัตถุประสงค์ และบุคลิกที่น่าดึงดูดใจของ Concept EV2
โปรไฟล์ของ SUV ผสมผสานภายนอกระดับหรูเข้ากับจุดยืนที่มั่นคง, โดดเด่นด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกพรีเมียม ซุ้มล้อที่แข็งแกร่งสร้างความแตกต่างที่โดดเด่นด้วยดีไซน์รูปทรงเรขาคณิตของพื้นที่กระจกและซุ้มล้อ, เพิ่มบุคลิกที่ไดนามิกของรถ
ภายในห้องโดยสารที่ยั่งยืนและอเนกประสงค์ของ Concept EV2
Concept EV2 ได้รับการออกแบบมาเพื่อผสมผสานเข้ากับความต้องการของไลฟ์สไตล์ในเมืองที่วุ่นวายได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยภายในห้องโดยสารที่มีชีวิตชีวา พร้อมการใช้วัสดุที่ยั่งยืนอย่างแข็งขัน แม้ว่ามันอาจจะเป็น Kia EV ที่เล็กที่สุด, แต่ Concept EV2 ก็แสดงออกถึงบุคลิกที่ยิ่งใหญ่ ภายในห้องโดยสารที่ปรับเปลี่ยนได้หลากหลายและไม่เหมือนใคร มอบพื้นที่ที่สะดวกสบาย ซึ่งเป็นที่พักผ่อนจากความเครียดในชีวิตในเมือง
แม้จะมีขนาดกะทัดรัด, EV2 ก็มีพื้นที่ที่ขยายได้ ด้วยเบาะนั่งแถวที่สองแบบพับได้ SUV B-Segment ที่คล่องตัวนี้ ยังมีคุณสมบัติที่มักพบในรถยนต์ขนาดใหญ่กว่า, รวมถึงการชาร์จ Vehicle-to-Load (V2L) และการอัปเดต Over-the-Air (OTA)
ไฟ LED แนวทแยงบนแผงประตูหน้าของ Concept EV2 เน้นความแตกต่างระหว่างพื้นที่ด้านหน้าและด้านหลังอย่างสวยงาม, สร้างเอฟเฟกต์ภาพที่โดดเด่น เสริมด้วยไฟลายสามเหลี่ยมและแอนิเมชัน LED แดชบอร์ดที่ไม่เหมือนใคร, ซึ่งร่วมกันสร้างบรรยากาศภายในที่ผ่อนคลายและสร้างแรงบันดาลใจ
พื้นผิวโลหะที่ทอดยาวไปตามส่วนล่างของแดชบอร์ดของรถ เป็นคุณสมบัติการออกแบบที่โดดเด่น บริเวณนี้ยังมีดีไซน์สามเหลี่ยม ซึ่งรวมถึงที่ชาร์จไร้สายและเต้ารับไฟฟ้า, มอบความคล่องตัวในการใช้งานสามฟังก์ชัน ที่ยกระดับประสบการณ์โดยรวมในห้องโดยสาร
ได้รับแรงบันดาลใจจากค่านิยมของ ‘Opposites United’, ภายในห้องโดยสารของ Concept EV2 ผสมผสานการใช้งานจริงและความรู้สึกเข้าด้วยกัน เบาะนั่งแถวที่สองพับขึ้นได้, ทำให้เบาะนั่งแถวหน้าสามารถเลื่อนไปด้านหลังได้มากที่สุด
สิ่งนี้สร้างพื้นที่กว้างขวางที่ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่เมื่อรถจอดอยู่ พวกเขาสามารถผ่อนคลายบนเบาะนั่ง, เหยียดขา, หรือแม้แต่นั่งบนพื้นเรียบของรถเพื่อเพลิดเพลินกับอาหาร
ด้วยการไม่มีเสากลาง และประตูหลังแบบบานพับด้านหลังที่เปิดได้กว้าง, ช่วยเพิ่มการเข้าถึง, ผู้โดยสารยังสามารถเชื่อมต่อกับภายนอกได้อย่างง่ายดาย ในทำนองเดียวกัน, เมื่อประตูเปิดและยกเบาะหลังขึ้น, เบาะหน้าสามารถเลื่อนไปด้านหลังและใช้เป็นที่พักผ่อนได้
Concept EV2 มีตัวแบ่งสัมภาระแบบ Pop-Up Sliding และสายรัดที่ช่วยยึดสิ่งของทุกขนาด Kia Message Lighting ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถแสดงข้อความผ่านหน้าต่างของรถ เพื่อสื่อสารกับคนเดินเท้าและผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ, ขณะที่เทคโนโลยี Connected ขั้นสูง ปลดล็อกมิติใหม่ในประสบการณ์ด้านเสียง
ลำโพงรูปสามเหลี่ยมที่ติดตั้งอยู่ในแผงประตู สามารถถอดออกและพกพาได้ คุณสมบัติที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวางลำโพงในตำแหน่งต่างๆ ภายในรถ, หรือแม้กระทั่งการถอดลำโพง
ลำโพงที่ถอดออกได้: นวัตกรรมเสียงที่ปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ
คุณสมบัติที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวางลำโพงในตำแหน่งต่างๆ ภายในรถ หรือแม้กระทั่งถอดลำโพงออกจากรถเพื่อเพิ่มความเพลิดเพลินเมื่อ EV2 จอดอยู่ เช่น ที่สถานีชาร์จ
การเปิดตัว EV4 และ Concept EV2 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเกียในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ทั้งในด้านสมรรถนะ, การออกแบบ, เทคโนโลยี, และความยั่งยืน EV4 และ Concept EV2 ไม่เพียงแต่เป็นยานพาหนะ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตที่ทันสมัยและใส่ใจสิ่งแวดล้อม Kia EV2 คาดว่าจะเปิดตัวในยุโรปและภูมิภาคอื่นๆ ในปี 2026
#Kia #EV4 #ConceptEV2 #KiaEVDay #รถยนต์ไฟฟ้า #ElectricVehicle #Sustainability #ยานยนต์ #เทคโนโลยียานยนต์ #รถยนต์เกีย