หลังจากรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) 3 ประเภท โดยให้เงินอุดหนุนรถยนต์และรถกระบะคันละ 70,000-150,000 บาทต่อคัน และ รถจักรยานยนต์ 18,000 บาทต่อคัน ในมุมของ เดลต้า ประเทศไทย มองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทางรัฐบาลเดินหน้าสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และจะส่งผลให้เกิดสถานีชาร์จมากขึ้น
แจ็คกี้ จาง ประธานบริษัท เดลต้า ประเทศไทย มองว่า การผลักดันนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าของไทย จะช่วยกระตุ้นให้คนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นขึ้น เช่นเดียวกับที่รัฐบาลเยอรมนีเคยประกาศ ซึ่งหลังจากที่จบโครงการคนก็ยังซื้อรถยนต์ไฟฟ้ากันต่อไป เพราะรัฐบาลปลูกฝังแนวความคิดและสร้างความเข้าใจให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า
แต่อีกมุมหนึ่ง เดลต้า มองว่า ประเทศไทยยังสร้างรากฐานเพื่อรองรับการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าไม่มากพอกับการสนับสนุนให้คนหันมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
–อีวีโลโม ระดมทุนเพิ่ม 210 ล้านดอลลาร์ เดินหน้าแผนเปิดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าครอบคลุมทั่วไทย
–เอ็มจี เตรียมส่ง EV ลงตลาดอย่างน้อย 3 รุ่นในปีนี้ ประเดิมรุ่นแรกในงานมอเตอร์โชว์ 2022
“ถ้าคนทั้งประเทศหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าพร้อมกัน และชาร์จพร้อมกันมากถึง 1 แสนคัน 1 ล้านคัน ไฟฟ้าก็อาจจะไม่เพียงพอ ประเทศไทยยังต้องสร้างรากฐานเพื่อรองรับการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่านี้”
แจ็คกี้ จาง กล่าวต่อว่า ธุรกิจ EV มันพัฒนาไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องตัวรถแต่เป็นเรื่องของแท่นชาร์จด้วย ซึ่งเดลต้าไม่ได้วางแผนพัฒนาจุดชาร์จรถ EV แค่ไหนกรุงเทพฯ อย่างเดียว แต่มองถึงต่างจังหวัดด้วย เพื่อให้คนไทยไม่ต้องกังวลเมื่อต้องเดินทางไปต่างจังหวัด
“อยากให้คนไทยมองว่าจุดชาร์จเป็นสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นบริการลูค้า เช่น เมื่อไปเดินห้างสรรพสินค้า ก็สามารถชาร์จไฟทิ้งไว้ได้ หรืออาจจะมีโปรโมชั่นเป็นคูปองในการไปซื้อสินค้า ภายในห้างสรรพสินค้า”
สำหรับความร่วมมือ (MOU) กับการไฟฟ้านครหลวงเมื่อปี 2020 แจ็คกี้ จาง เปิดเผยว่า กำลังเดินหน้าการพัฒนาไปได้ดี ซึ่งในอนาคตเดลต้าหวังว่าจะได้เห็นแท่นชาร์จของเดลต้าอยู่ในทุกที่ของประเทศไทย และในอนาคตยังมีแผนทำงานกับพาร์ทเนอร์อีกหลายภาคส่วน เพื่อรองรับการเติบโตของรถบัสไฟฟ้า และ เรือไฟฟ้า
ภาพประกอบจาก unsplash